วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

นายไข่เจียว

เครดิตรูปจาก http://www.toptenthailand.com/

…(เขาหิวครั้งใด) ฉันเดินเข้าครัว
…(เขาหิวเขาทำ) ฉันนั้นทำเอง
…(เขาหิวเขาทำ) ทำเป็นอย่างเดียว
ไข่เจียวนั้นง่ายทำบ่อย
…(แค่เพียงน้ำมันวางลงบนเตารอไฟให้ร้อน)
เหลืองไข่เหลืองและหอมกรุ่น
ฟู...ฟูดูน่ากิน
หนึ่งในบทเพลงอารมณ์ดีของเฉลียง ที่เรามักจะนึกถึงอยู่เสมอนอกจากเพลง รู้สึกสบายดี ต้นชบากับคนตาบอด เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ และ อื่น ๆ อีกมากมายยังมีเพลง นายไข่เจียวที่ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ ได้ยินทีไรได้แต่นั่งอมยิ้ม และบอกตามตรงรู้สึกอารมณ์ดีอย่างไม่มีสาเหตุ!!!!
อาทิตย์นี้ไม่ขอตกเทรน ขอเกาะติดขอบไปดูนโยบายการขายไข่ของนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะวิธีการซื้อขายไข่ของเราจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่เราเคยซื้อเป็นเบอร์เรียงตามเล็กไปใหญ่ ในเดือนหน้าเราจะต้องซื้อขายแบบชั่งกิโลขาย
นโยบายนี้กำลังมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส ว่าใครจะได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ เราต้องเสียเงินซื้อไข่มากกว่าเดิมเท่าไร แล้ววิธีการสั่งอาหารหรือซื้อไข่ของเราจะเปลี่ยนไปไหม อย่างเช่น
ซื้อไข่เจียว 2 ขีด
ขอไข่เยี่ยวม้า 1 กิโล
ไข่เค็ม ½ โล
หรือ ฯ ล ฯ
เราเป็นคนมีความหลังกับไข่เจียวเหมือนกัน ไข่เจียวเป็นอาหารที่ทุกบ้านน่าจะนิยม เพราะทำง่าย ทำได้บ่อย ไม่เบื่อ นอกจากไข่เจียวเปล่า ๆ ยังมีไข่เจียวไส้ต่าง ๆ เรียกว่ามีหลายเวอร์ชั่นที่พยายามประดิษฐ์คิดค้นกันขึ้นมาแต่จะอร่อยหรือไม่อร่อย อันนี้คงเป็นอีกเรื่อง
ที่ว่ามีความหลังกับการทำไข่เจียว เพราะจำได้ว่าเจียวไข่กินเองครั้งแรก มันไหม้ไปครึ่งหนึ่ง ต้องโยนทิ้งขยะไป ต่อมาอยากลองทำไข่เจียวหมูสับ แต่กลับกลายเป็นว่าได้ไข่เจียวที่หน้าตาดูได้บ้าง แต่หมูสับข้างในกลับไม่สุก
พยายามลองทำใหม่ ใส่ความตั้งใจลงไปอีก โดยการศึกษาจากหลาย ๆ สูตร และคอยสังเกตเอาเองจากการเจียวไข่ครั้งต่อ ๆ ไป ทำให้วันนี้ก็พอรู้เคล็ดลับการเจียวไข่ให้อร่อยเหมือนกับคนอื่นเขาเหมือนกัน
พอมาฟังเพลงนายไข่เจียว แล้วก็บอกว่าใช่เลย มันเป็นความลับง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้าม การทำอะไรก็แล้วแต่ต้องการความตั้งใจ และเราต้องเพิ่มความใส่ใจในการทำให้มากยิ่งขึ้น คงเหมือนกับการทำงานอะไรสักอย่าง ที่เราต้องตั้งใจและใส่ใจกับมันถึงจะประสบความสำเร็จ
เพลงนี้เหมาะกับคนที่กำลังท้อ เพราะในเนื้อเพลงสอนให้เรารู้ว่า นอกจากพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว เราต้องมีความตั้งใจในเนื้องานนั้นด้วย
ว่าด้วยเรื่องของพรสวรรค์ จริง ๆ แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าแต่ละคนมีพรสวรรค์กันทั้งนั้น แต่อาจจะเป็นคนละอย่าง หรือบางคนก็ยังหาตัวเองไม่เจอ เรื่องของเรื่องก็คือ เราต้องทุ่มเท ตั้งใจ แล้วค้นหากันต่อไป
เขียนเรื่องไข่เจียวในวันนี้ เผอิญตรงกับสถานการณ์นโยบายไข่ของประเทศไทย และสำหรับคนที่กำลังรู้สึกท้อหรือผิดหวัง ลองมองดูจานไข่เจียวข้าง ๆ เราดู บางทีมันอาจจะให้เราได้คิดอะไรบางอย่างกับเราก็ได้
มาสุขสันต์วันไข่เจียวกันดีกว่า!!!


วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

ร้อนเอย หนาวเอย

เครดิตรูปจาก www.thaidphoto.com

2-3 วันนี้ชาวกรุงเทพ ฯ มีเฮ เพราะอากาศเย็นลงเล็กน้อย พร้อมกับกรมอุตุ ฯ ออกมาประกาศว่า ปีนี้อากาศหนาวจะหนาวขึ้นและยาวนานกว่าทุกปี ฟังแล้วก็อมยิ้ม สำหรับคนเมืองอย่างเรา ไม่กลัวเรื่องอากาศหนาว แต่กลัวเรื่องหนาวไม่จริงมากกว่า

เพราะเป็นอันรู้กันว่า เมืองไทยตามสภาพภูมิศาสตร์มี 3 ฤดูก็จริง คือ ฤดูร้อน ฤดูฝนและฤดูหนาว แต่สำหรับกรุงเทพ ฯ เรามี 3 ฤดูก็จริงแต่เป็นฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนที่สุด
สำหรับคนกรุงเทพ ฯ จะเรียกว่าอากาศหนาวคงยังไม่ได้ เอาเป็นว่าอากาศเย็นแบบชิลล์ ๆ มาทำให้ผิวหนังต้องการโลชั่นบาง ๆ น่าจะเหมาะกว่า อันนี้ไม่นับเหมารวมถึงสภาพอากาศตามต่างจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะนอกเมืองแบบนั้น จะสัมผัสอากาศหนาว (แบบทรมาน) กันเกือบทุกปี
จริง ๆ แล้วไอ้เรื่องโกลบอล วอร์มมิ่งที่เราพยายามบอกใครต่อใคร มันเข้าใกล้ตัวเรามากเข้าไปทุกที เพียงแต่มันอาจจะไม่ได้มีผลกระทบกับเราโดยตรง เลยทำให้คนไม่ค่อยสนใจกันมากนัก  ลองนึกดูสิว่าเมื่ออาทิตย์ก่อน กรุงเทพ ฯ มีฝนตกพรำ ๆ ในช่วงต้นเดือนมกราคม ???
ในทางตรงกันข้าม ประเทศทางฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตอนนี้กำลังเผชิญกับภาวะอากาศหนาวแบบรุนแรงอย่างหนัก เดือดร้อนกันไปทั่วหน้า ขณะที่ออสเตรเลียกำลังประสบภาวะน้ำท่วมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
จะว่าไปเรื่องอากาศหนาว อากาศร้อน มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัย อย่าไปรังเกียจหรือดีใจกับมันมากนักเลยกับเจ้าอากาศร้อน ลองคิดดูว่าอากาศร้อนแบบบ้านเรา เป็นที่โหยหาเหลือเกินของคนยุโรป เพราะเขาไม่มีโอกาสได้สัมผัสแสงแดดกันอย่างจริงจังเหมือนพวกเรา
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนเมือง พออากาศหนาวทีก็ไม่ต้องเดือดร้อน มีน้ำอุ่นอาบ มีเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอหลากสีสันใส่ แต่ยังมีคนไทยอีกหลายล้านคนไม่ได้โชคดีอย่างนั้น เขาต้องเผชิญกับความหนาวแบบทรมาน ยามเมื่อสายลมหนาวพัดผ่านมาตามรอยแตกของฝาบ้าน
ผ้าห่ม
เสื้อหนาว
เครื่องทำน้ำอุ่น  
อันนี้ไม่ต้องพูดถึง อย่างดีก็เพียงอาศัยกองไฟกองโต ๆ พอที่จะประทังให้ความหนาวทุเลาลงไปได้บ้าง
จะว่าไปอากาศก็ทำหน้าที่ของมันไป จะร้อนจะหนาว ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราทำร้ายสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ดีให้สมดุลย์ ให้อากาศในใจเราไม่ร้อนไม่หนาวมากเป็นใช้ได้
หลายปีก่อนจำได้ว่า เราเองต้องเผชิญกับความหนาวในห้องอยู่คนเดียวที่แอลเอช่วงสิ้นปี เป็นความหนาวที่ทรมานและเงียบเหงา นึกมาถึงตอนนี้ว่าเออ! ทำไมเราไม่รู้สึกดีกับอากาศหนาว ทั้ง ๆ ตอนที่อยู่เมืองไทยก็อยากไปเมืองนอกเพื่อไปสัมผัสมัน มองในมุมกลับกัน เราเองก็ไม่รู้สึกแฮ้ปปี้กับอากาศช่วงที่ต้องอยู่เมืองไทยตอนเมษาเหมือนกัน
จะร้อนจะหนาวขึ้นอยู่กับใจเรามากกว่า เหมือนที่เราต้องอยู่ต้องดำเนินชีวิตต่อไปไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก อย่าไปคิดไรมันมาก
เอาเป็นแบบ แอส กู้ด แอส อิด เก็ต ก็แล้วกัน


วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

วันหวยออก

เครดิตรูปจาก http://www.thummada.com/

เป็นธรรมดาของการค้าขาย ต้องมีวันที่ขายดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ที่เมืองไทยนี่น่าจะมีอยู่ 2 วันในหนึ่งเดือนที่เป็นวันที่คนขายของอย่างเราต้องทำใจ ประมาณว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเราอะไรประมาณนั้น คือวันที่ 1 และ 16
นึกออกแล้วล่ะสิว่าวันนี้เป็นวันอะไร
ถูกต้องแล้วคร้าบ
มันคือวันหวยออก
แปลกแต่จริง (ไม่อิงนิยาย) ว่าทำไมวันหวยออกมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องขายของ ถ้าสังเกตให้ดี ๆ ร้านอาหารนี่จะเงียบเชียบ คนเดินห้างจะบางตา รถราจะเบาบางลงชั่วขณะหนึ่ง ในช่วงจังหวะที่วิทยุกำลังประกาศเลขเด็ด
ไม่ต้องดูไปไกล ลองสังเกตลูกน้องที่ร้านดู พอถึงวันนี้ทีไร จะมีอาการคึกคักมากเป็นพิเศษ เอาวิทยุออกมาตั้งกันเป็นระบบระเบียบหลังครัว (แบบไม่ต้องมีใครสั่ง) นั่งคุยยืนคุยกันแบบคึกคัก บางทีคุยออกรสชาติกันมากไปหน่อย ถึงกับเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดว่างวดนี้จะออกอะไร
หลังจากคุยกันแบบน้ำไหลไฟดับ จะมีช่วงระยะเวลาเดียวที่คนงานทั้งร้านจะเงียบกริบ (แบบไม่ต้องมีใครสั่งอีกเหมือนกัน) เมื่อเสียงวิทยุมาถึงตอนที่ถือว่าเป็นที่สุดของการรอคอย
เลขที่ออก!!!!!!!!! คือ
ความสุขของคนซื้อหวยมันเป็นแบบนี้เอง
คงไม่ต้องบรรยายความสุขของคนถูกหวย เราเองทั้งชีวิตไม่เคยถูกเลยสักครั้ง แต่พลอยจะได้รับอานิสงส์จากลูกน้องบ้าง เพื่อนบ้างยามเมื่อเขาถูกหวย
จริง ๆ แล้วก็พยายามจะบอกใครต่อใครว่า อย่าไปเล่นเลยไอ้หวยเนี่ย ยังไงก็ถูกเจ้ามือกินหมด ไม่มีใครรวยเพราะหวยหรอก แต่ความพยายามก็ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อเราได้มีโอกาสมองมุมกลับมุมใหม่ มุมที่บังเอิญผ่านไปเห็นเข้า
ก็ตรงที่คนซื้อหวย เขาซื้อความสุขต่างหาก
เป็นความสุขในช่วงระยะเวลาก่อนหวยจะออก
เหมือนความหวังทั้งหมดทั้งมวลลอยอยู่ในอากาศ
ใครถูกหวย ถ้าวัดกันด้วยปรอท ความสุขจะพุ่งปรี๊ดจนแทบทะลุปรอทกันเลยทีเดียว
และถ้าไม่ถูก ก็ปลอบตัวเองกันไปกลาย ๆ ครั้งนี้ไม่ถูก ครั้งหน้าก็ต้องถูก
จะว่าไปเรื่องหวยกับความสุขนี่ เป็นตัวอย่างง่าย ๆ เลยนะของคนที่อยู่ได้ด้วยความหวัง ชีวิตกับความหวังนี่เป็นของคู่กัน เพราะสองอย่างนี้ดูเหมือนจะเป็นสมการที่เราจำเป็นต้องมี ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
มานั่งพูดกันถึงหวย ทำให้นึกถึงเรื่อง หวยเป็ดที่ ไอ้จิ๋ว เพื่อนสนิทคนหนึ่งเล่าให้ฟัง อย่าเพิ่งทำหน้างงว่ามันคืออะไร มันแค่เป็นหวยสายพันธุ์ใหม่ (จะติดต่อกันเหมือนไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่หรือไม่นั้น อันนี้ไม่มีใครกล้ารับรอง) เล่นกันแบบชาวบ้าน ๆ ตลาด ๆ ธรรมดานี่แหละ

จิ๋วเล่าให้ฟังประมาณว่า มีคนเดินมาขายหวย (ประมาณหวยเบอร์) เล่นกันคล้าย ๆ แบบขูดน้ำเต้าปูปลาเค้ามาขายเบอร์ละ 20 บาท ขายแค่ 15 เบอร์ แล้วก็จับ เราได้ เราถูก ได้เป็ดมากิน ร้านในตลาดเค้าต้มเป็ดพะโล้ขาย ร้านนี้ เพิ่งเริ่มทำ บางวันเค้าก็ขายไม่หมด
เล่นกันง่าย ๆ แบบนี้ ไม่ยุ่งยาก คนขาย ๆ ได้ 15 เบอร์ ก็ 300 บาท เป็ดพะโล้ตัวละ 270 บาท อีก 30 บาทเป็นค่าตัวสำหรับคนขายหวย กระจายรายได้ กระจายความสุขกันอย่างเห็นเห็น
ฟังแล้วแบบเออ! คิดได้เนอะ
แล้วทำให้คิดเลยไปถึงว่า เอ! นี่เป็นที่มาของคำว่า เซ็งเป็ดรึเปล่าหว่า!!!!


วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

สุขง่าย ทุกข์ยาก


เครดิตรูปจาก http://www.wizdragon.exteen.com/

ช่วงนี้เป็นช่วงควันหลงของเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ คำถามยอดฮิตหลังจากงานเฉลิมฉลองกันคงหลีกไม่พ้นประมาณว่า
ไปเที่ยวที่ไหนมา
ไปทำอะไรมาบ้าง
สนุกไหม
มีการอวยพรส่งความสุขผ่านข้อความทั้งทางโทรศัพท์ เอสเอ็มเอส บีบี เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์กันแบบอุ่นหนาฝาคั่ง ฟังแล้ว อ่านแล้วก็รู้สึกว่า ความสุขเป็นสิ่งที่เราไขว่คว้า ปรารถนา หนัก ๆ เข้าก็อาจจะค้นหากันอย่างจริง ๆ จัง ๆ
สำหรับเรา ปีใหม่นี้เป็นอีกปีที่ผ่านมันไปแบบเรียบง่าย (อีกแล้ว) ประมาณว่า ซิม เปิ้ล อีส เดอะ เบสต์
คงต้องตอบแบบเดิม ๆ ว่าเวลาอยู่เมืองไทยช่วงเทศกาลแบบนี้ ที่ร้านจะขายดีเป็นพิเศษ เพราะคนกรุงเทพถ้าไม่ชักขบวนกันออกต่างจังหวัด ก็คงพากันไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า
นี่เป็นปีที่ 2 ที่เราได้อยู่เมืองไทยช่วงนี้ เพราะฉะนั้นก็คงจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า ไปทำงานสวนทางกับชาวบ้านชาวช่องเขา และเชื่อว่ายังคงมีอีกหลายคนที่ต้องทำงานช่วงวันหยุดยาวแบบนี้
จะว่าปีใหม่ของเราในช่วงชีวิตหลัง ๆ นั้น ก็ค่อนข้างเรียบง่ายจนแทบจะเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งไปเสียแล้ว ถ้าอยู่ที่แอลเอช่วงนี้ กิจการร้านอาหารจะสวนทางกับทางกรุงเทพ หลังจากทำงานหนักกันมาทั้งปี ช่วงเดือนธันวาคมของแอลเอจะถือเป็นช่วงชิลล์ ๆ ของทั้งพนักงานและเจ้าของร้าน
และในคืนข้ามปีแบบนี้ ก็คงหนีไม่พ้นที่จะนั่งทานข้าวกับญาติ ๆ ที่บ้าน แฮป ปี้ นิว เยียร์กันตามธรรมเนียมเมื่อนาฬิกาข้ามผ่านช่วงเที่ยงคืนไป จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้าย
ความสุขจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่หาง่ายถ้าเรารู้จักมอง รู้จักหา
เหมือนเรายืนแหงนมองภูเขาหนึ่งลูก เมื่อยืนอยู่ใกล้ เราเองจะรู้สึกว่ามันสูง มันใหญ่ จะปีนไปให้ถึงยอดเขาได้อย่างไร แต่ถ้าเราเขยิบออกมาไกลหน่อย ภาพที่เราเห็นหรือที่เรารู้สึกก็อาจจะเปลี่ยนไป
เหมือนเราขับรถไปยังสถานที่ ๆ ไม่เคยไป เราเองจะรู้สึกว่ามันไกล เหตุหนึ่งเป็นเพราะเราไม่รู้ทาง ความรู้สึกจะบอกกับเราว่า เออ! ทำไมมันไกลจัง แต่ถ้าเรารู้จักสถานที่นั้นเป็นอย่างดี รู้ว่าจะใช้เส้นทางไหนที่ดีที่สุด เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ได้ไกลเลย
มันแปลกตรงที่เส้นทางก็เส้นทางเดิม
สถานที่ก็สถานที่เดิม
มองในทางกลับกัน บางทีเจ้าความสุขเองก็มาวางอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เพียงแต่เรามองไม่เห็น จับต้องมันไม่ได้ อาจจะเป็นพิกัดที่เรายืน หรือมุมมองเราที่เปลี่ยนไป องศาในการมองเห็นความสุขของแต่ละคนจึงต่างกันไป
บางคนความสุขหาง่าย
บางคนความสุขหายาก
ถ้าอยากเป็นคนมีความสุขง่าย ๆ บางทีแทนที่เราจะดิ้นรนไขว่คว้า เราอาจจะเซอร์ไพร์สสุด ๆ ก็ได้เมื่อเราทำชีวิตให้นิ่ง ความสุขอาจจะกลับมากองอยู่ตรงหน้า แบบเราแทบขยี้ตาไม่เชื่อเอาทีเดียว
ขอให้สุขง่าย ๆ ทุกข์ยาก ๆ ในปีกระต่ายนี้ก็แล้วกันนะคะ