วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คุณครูคนใหม่

ได้เวลาขีดเขียน (เครดิตรูปจากแม่น เพื่อนนิเทศ)

เคยบอกใครต่อใครว่าไม่ใช่คนเรียนเก่ง หรือเรียนดี เป็นแต่เพียงคนที่เอาตัวรอดก็เท่านั้น
แต่พอบอกว่าจบจากไหน ไปต่อที่ไหน อย่างไร ทุกคนก็มาถึงบทสรุปเอาเองว่า คนนี้เป็นคนเรียนเก่ง ความที่มีคนคาดหวังว่าเราจะต้องเป็นคนเก่งหัวดี บางทีคนที่มายืนอยู่ตรงจุดนี้ ก็อยากจะทำหน้าปะแหล่ม ๆ พร้อมกับอยากจะบอกว่า อย่าคาดหวังกันจนเกินไป
ชีวิตเปลี่ยน เส้นทางของคนเปลี่ยนเมื่อมาถึงเวลา
บางทีเราไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องตามหา เมื่อมันมาแล้ว ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร มันก็มาวางกองอยู่ตรงหน้า จะตอบปฏิเสธก็ดูยากเต็มที ว่ากันว่าให้ลองเดินดูอีกสักครั้ง หลุดจากอะไรที่ไม่เคยได้ทำบ้าง
เร็ว ๆ นี้เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง หรืออย่างน้อยก็ได้กลับไปใกล้ชิดกับชีวิตเด็กนักเรียนอีกครั้ง ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ตัวเองยืนพูดปาว ๆ อยู่หน้าห้องเรียน ทั้ง ๆ ที่สมัยเด็กนั้น เป็นเด็กที่ขี้อาย แอบอยู่หลังห้องแทบทุกครั้ง
แม้การกลับมาคราวนี้ จะกลับมาในบทบาทที่ต่างกัน
คิดแล้วตลกดี อยู่ดี ๆ ก็มาเป็นอาจารย์ ได้อย่างไร อะไร ไม่รู้
อาจารย์ทุกคนต้องผ่านการเป็นนักเรียนมาก่อนทั้งนั้น เหมือนทุกคนต้องนั่งที่เก้าอี้มาก่อน ๆ ที่จะมายืนอยู่หน้าชั้น พอมาถึงคราวที่บทบาทเปลี่ยน เลยมานั่งคิดนอนคิด ว่าอะไรที่เราไม่ชอบตอนเป็นนักเรียนบ้าง คิดไว้ว่าจะไม่ทำแบบนั้น คิดเอาว่างานนี้จะเอาใจนักเรียนสุด ๆ
แต่การคิดอะไรอย่างเดียว โดยไม่ต้องลงมือทำ เป็นสิ่งที่ง่าย
แต่พอถึงเวลาต้องปฏิบัติจริง ๆ งานมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
มันมีอะไร นั่น นี่ โน่น
ตอนสมัยเป็นนักเรียนนักศึกษา เกลียดที่สุดคือการบ้าน อาจารย์คนไหนชอบให้การบ้าน จะกากบาทหมายหัวไว้เลยว่าคราวหน้าจะไม่ลงเรียนอีก เพราะคิดเอาเองว่า อยากเอานอกเวลาเรียนมาสนุกสนานกับโลกภายนอก 
แต่พอถึงเวลาได้มาลองเป็นอาจารย์สอนนักเรียนสักครั้ง ตัวเองกลับกลายเป็นคุณครูชอบให้การบ้าน เพราะคิดว่าจะเป็นทางเดียวและทางลัดที่จะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อะไรได้เร็วขึ้น เวลาแค่สามชั่วโมงในหนึ่งอาทิตย์ในห้องเรียน เหมือนจะไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเราได้เลย
หรือแม้แต่หนังสือตำราที่ใช้ในห้องเรียน ก็เหมือนกับเราพูดกันคนละภาษา บอกตามตรงแม้แต่ตัวเองที่เป็นอาจารย์ แล้วจำเป็นต้องอ่าน ยังคิดเลยว่า เอามาให้อ่านทำไม (ฟร่ะ)”
พอถึงตอนนี้ เลยต้องมานั่งคิดว่าจะสอนอย่างไรให้นักเรียนได้ไวที่สุด แต่เสียเวลาน้อยที่สุด
การเป็นอาจารย์คงสนุกตรงนี้ ตรงที่เราจะถ่ายทอดเนื้อหาเดียวกัน แต่ใช้วิธีในการอธิบายต่างกัน ทำอย่างไรให้สามชั่วโมงที่นักเรียนอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาเพื่อเข้าห้องเรียน (นอกจากการเช็คชื่อที่จำเป็นต้องมีตามระเบียบมหาวิทยาลัย)  มีความสุขที่สุด สนุกที่สุดไปกับเรา
การที่คนเราทำอะไรที่มีความสุขและสนุก
ดูเหมือนจะเป็นคนที่โชคดีที่สุด
เหมือนกับคนเราที่ไม่มีความทรมาน ที่จะต้องตื่นแบบทรมานในเช้าวันจันทร์ และยังต้องทำงานอีกห้าวันเต็ม ๆ เพื่อตั้งหน้าตั้งตารอเมื่อไหร่จะถึงวันศุกร์เพียงอย่างเดียว เพราะการที่คนเราทำอะไรที่มีความสุขแล้ว ไม่ว่าวันไหนก็ไม่สำคัญ
ส่งความสุขมาให้คนอ่านในวันธรรมดา ๆ อย่างวันนี้ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น