หน้าเวทีงาน SF Back to School (เครดิตรูปจากทีมงาน SF Back to School) |
จำความรู้สึกครั้งแรกได้ที่เดินกลับเข้าไปโรงเรียนเมื่อหลายเดือนก่อน เป็นความรู้สึกคิดถึงอยู่ลึก ๆ และโหยหาที่จะได้กลับไปอีกสักครั้ง เหมือนเราเกิดและผูกพันกับที่นี่ตั้งแต่วัยเด็ก ภาพความทรงจำเก่า ๆ อยู่ดี ๆ ก็แล่นจู่โจมเข้ามาในรอยหยักของสมอง
เหมือนใครเอาภาพยนตร์เก่ามาฉายซ้ำไปมาอยู่ในหัว…
เพียงแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเกิดขึ้นและจบไปแล้วในชีวิตปัจจุบัน…
แต่แปลกที่มันยังกลับมาโลดแล่นอยู่ในสมองของเรา และวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น…
จำได้ว่าครั้งนั้น มีเพื่อนถามว่า เราจะได้กลับมางานคืนสู่เหย้าตอนช่วงสิ้นปีไหม ตอนนั้นตอบตามตรงว่า ไม่รู้อนาคตจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าจะต้องกลับไปแอลเอรึเปล่า แต่ก็เหมือนอะไรดึงเราไว้ที่นี่ และสุดท้ายก็ได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้งจริง ๆ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
เที่ยวบอกใครต่อใครหลายคนว่า เราเป็นคนไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง ต้องเดินทางไปโน่นนี่ตลอดเวลา จดหมาย รูปภาพเก่า ๆ ต่างหายไปตามทางเมื่อถึงเวลาต้องย้ายตัวเองไปปักหลักอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ครั้งนี้เมื่อเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน เหมือนภาพในอดีตมาปรากฎอยู่ตรงหน้า
มีสถานที่เก่า เพื่อนเก่า ครูอาจารย์ที่เคยถือไม้เรียววิ่งไล่จับเราตอนเราเป็นเด็ก ยืนคอยต้อนรับอยู่ตรงหน้า
เป็นความรู้สึกที่เต็ม และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รู้สึกว่าเราได้กลับบ้านที่เป็นบ้านจริง ๆ
จากความรู้สึกและภาพที่วิ่งอยู่ในหัวสมองขณะนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยเสียงทักทายแบบนกกระจอกแตกรังเหมือนไม่เคยเจอกันมาหลายสิบปี (นับแล้วก็เป็นเวลามากกว่า 20 ปี) เสียดายที่ได้ทักทายกันคนละนิดคนละหน่อย เพราะดูเหมือนต่างคนก็อยากจะวิ่งตามหาเวลาดี ๆ เหล่านี้เก็บไว้ เพื่อเป็นพลังในการเดินต่อไปในชีวิตจริง
นอกจากเพื่อน พี่ น้องที่ได้เจอแล้ว ก็ยังมีครูอาจารย์ที่ทำให้เราเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้คอนเฟิร์มด้วยความแน่ใจว่า ไอ้เรานี่เป็นเด็กหลังห้องแบบจริงจัง รู้ว่าเวลาผ่านไป แต่ก็ยังไม่คลายความกลัว รู้ทั้งรู้ว่าครูคงไม่ไปเอาไม้เรียววิ่งไล่ตีเราอีกเป็นแน่ แต่ก็ยังขอยืนมองดูครูด้วยความเคารพอยู่ห่าง ๆ อย่างนี้จะดีกว่า
แฮ่ะ ๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่า เวลานี้เหมือนต้องชดใช้หนี้กรรมที่เคยทำกับครูไว้ เพราะตอนนี้เราก็กลายมาเป็นอาจารย์พิเศษสอนเด็ก ก็เลยต้องผจญวีรกรรมกับพวกเขา เหมือนที่เราเคยทำไว้กับครูเมื่อยังเป็นเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้กลับไปนั่งโต๊ะโรงอาหารแบบเดิม ๆ กับอาหารที่คุ้นลิ้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือนายเบิ้ม ข้าวต้มไก่ฉีก กระเพาะปลา และข้าวเกรียบปากหม้อญวณ จำได้ว่ากลับบ้านไปแบบท้องอิ่มพร้อมกับอาการเสียงแหบเสียงแห้ง
แต่คืนนั้นยังเผลอแอบมีรอยยิ้มก่อนหลับไป…
เวลามันคงหมุนเวียนแบบนี้ของมันไปเรื่อย ๆ หมุนให้เราไปเจอนั่น นี่ โน่น แล้วมันก็หมุนให้เราได้เจอใครต่อใครบ้าง ถามว่าเวลาจะหมุนให้เราได้เจอกันอีกไหม เวลาคงทำหน้าที่ของมัน ส่วนเราก็คงทำตามหน้าที่ของเรา
จนกว่าเราจะได้พบกันอีก…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น