วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของสี

เครดิตรูปจาก http://www.siamsouth.com/

อาทิตย์นี้เป็นช่วงของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส เรียกว่าเป็น ออเดิร์ฟก่อนจะเข้าสู่เทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่อาทิตย์หน้า ช่วงนี้ไปที่ไหนก็จะเห็นแต่สีแดงสีเขียวเต็มไปหมด เพราะคงจะเป็นภาพชินตาที่จะมีลุงซานต้าในชุดสีแดง หนวดขาว เดินเล่นไปมาให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
เรื่องของ สีเป็นเรื่องที่แปลก และไม่รู้ใครเป็นคนบอกว่า เทศกาลนี้ต้องคุมโทนสีแดงเป็นหลัก อาจมีสีเขียวแหล่ม ๆ ออกมาประปราย พอให้ตัดกันได้แบบเข้ากั๊นเข้ากัน อย่างกับข้าวเหนียวต้องคู่กับส้มตำอย่างไรอย่างนั้น
ลองมองดูรอบ ๆ ตัวก็เห็นจะจริงว่าชีวิตเราแวดล้อมไปด้วยสี บางอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของสังคมไปโดยเราไม่รู้ตัว อย่างไปงานแต่งงานจะคุมโทนดำอย่างเดียว เจ้าภาพเขาอาจจะนึกด่าบุพการีเราอยู่ในใจ แม้ว่าในวงการแฟชั่นเดี๋ยวนี้ สีดำกลายเป็นสีโปรดของบรรดาดีไซน์เนอร์ทั้งหลาย บางทีเราก็อาจจะต้องหาโบว์หาเน็คไทสีฉูดฉาดมาประดับบ้างก็ตามทีเถอะ
หรือไปงานศพ จะล่อใส่สีแดงก็เลยก็อาจจะดูผิดกาละเทศะไปสักหน่อย อาจจะโดนค้อนแบบหางตา แล้วก็เลยไปถึงบุพการีเรา (อีกครั้ง) ไปอย่างช่วยไม่ได้
โปรดสังเกตว่าบุพการีของเราโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
เรามาว่าด้วยเรื่องของสีกันต่อ
นอกงานบรรดาเหล่างานที่ต้องมีสีมาเป็นตัวกำหนดแล้ว ลองสังเกตดูรอบตัวก็มีสีเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเราพอสมควร ลองหลับตานึกภาพเซเว่น อีเล่เว่นปั๊บแล้วเราก็จะเห็นสีแดงกับสีเขียวลอยเข้ามาในหัวของเราทันที ประกอบกับมีเสียงติ๊งต๊องต้อนรับเราทันทีเมื่อประตูบานเลื่อนหน้าร้านค่อย ๆ เปิดออก
ลองนึกถึงร้านสุกี้เอ็มเค ก็มี 2 สีที่ว่านี้ลอยเข้ามาในหัวสมองของเราเหมือนกัน
เออ เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่า สีเขียวและสีแดงเป็นสีที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง แต่หนักไปทาง positive feeling มากกว่าว่าไหม
เขาว่ากันว่าสีกำหนดอารมณ์เราได้
ลองนึกถึงตอนที่เราเปิดตู้เสื้อผ้า วันไหนถ้าอารมณ์ดี ๆ ชิลล์ ๆ ก็อยากจะใส่สีสดใส วันไหนอารมณ์ บ่ จอยก็อาจจะเลือกโทนสีเข้ม ๆ แต่เรื่องรสนิยมของสีในการเลือกเสื้อผ้าของแต่ละคนอาจจะไม่ตายตัว เพราะเพิ่งเปิดดูตู้เสื้อผ้าตัวเองไม่กี่วันที่ผ่านมา มากกว่าครึ่งหนึ่งในตู้เสื้อผ้า หนักออกไปทางโทนขาว ดำ และเทา
นอกจากสีที่มีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันเราแล้ว เรายังใช้ สีบ่งบอกความเชื่อและจุดยืนของเราแบบทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว ลองนึกไปถึงประเทศไทยของเราเมื่อไม่กี่ปีมานี้ มี สีเกิดขึ้นมามากมาย เป็นสีที่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างชัดเจน บางอย่างที่ชัดเจนกันมากเกินไป ก็นำไปสู่การต่อสู้เพื่อชัยชนะอะไรบางอย่าง ซึ่งบางครั้งคนที่ใส่เสื้อสีนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจก็ได้ว่า เราจะแบ่งสีกันไปทำไม
สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีชมพู สีขาว และ ฯ ล ฯ
ก็ว่ากันไปตามเรื่องของสี คุยกันแบบสัพเพเหระตามสไตล์ ช่วงนี้ที่เมืองไทย คนเริ่มทำงานน้อยลง เริ่มเกงานลางานกันบ้างเล็กน้อย เพราะช่วงเวลาแบบนี้ หลายคนก็อยากจะสนุกสนานกันให้เต็มที่ เพราะหนึ่งปีก็มีเพียงแค่หนึ่งครั้งที่เราจะได้ปลดภาระหน้าที่วางลงไว้ชั่วคราว แล้วค่อยกลับมาลุยกันใหม่ต้นปีหน้า
จะชอบสีอะไร จะใส่สีอะไร เชื่อในสีอะไร คงไม่มีใครไปบังคับใครได้ ขอเพียงแต่ให้ทุกสีมีความสุขตามที่ตัวเองอยากจะเป็น และอย่าลืมให้โอกาสสีอื่นได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เราบ้าง
อย่างน้อยเราก็จะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น