เครดิตรูปจาก http://www.interscholarship.com/ |
หลายคนคงเคยได้ยินว่า เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน หลายอย่างเปลี่ยน…
คงจะมีแต่เราที่ต้องตั้งรับความเปลี่ยนแปลงให้ทัน…
กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ถือได้ว่าได้ลองลงสนามประลองแบบใหม่ ที่ว่า “ใหม่” เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ และไม่เคยคิดว่าจะทำได้
เหมือนกับได้ลองเล่นกีฬาที่ตัวเองไม่ถนัด จากนักบาสเกตบอลที่ต้องคอยเลี้ยงลูกหลบผู้ต่อสู้ และมีจุดหมายอยู่ที่ห่วง คราวนี้ลองเปลี่ยนมาหันจับไม้กอลฟ์ โฟกัสอยู่กับลูกกลม ๆ เล็ก ๆ มีหลุมแต่ละหลุมเป็นเป้าหมาย
สุภาษิตฝรั่งที่ว่า “เซด อิส อีซี่เอ่อร์ แดน ดัน” (said is easier than done) เห็นจะจริง ลองยืนมองว่าเราน่าจะทำได้ มันต่างกันทั้งอารมณ์และความรู้สึกเมื่อได้ลงมือทำจริง ๆ
จากเด็กขี้อาย เป็นเด็กหลังห้อง ชอบงานขีด ๆ เขียน ๆ คราวนี้ลองเปลี่ยนตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ย้ายตัวเองจากหลังห้องมายืนอยู่หน้าห้อง ส่วนตัวคิดว่าการเป็นอาจารย์เป็นครูไม่ยาก แต่การเป็นอาจารย์ที่ดี หรือครูที่ดีและประสบความสำเร็จนั้นยาก
อันนี้เจอมากับตัวเองจริง ๆ ก็เมื่อตอนที่เราต้องเอาความรู้ที่เรามีไปสอนนักศึกษา ความตั้งใจนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การที่เราสอนเด็กแล้ว แล้วเด็กไม่มีความใส่ใจหรือไม่สนใจในสิ่งที่เราสอนแต่จะให้โทษเด็กฝ่ายเดียวคงไม่ถูก เพราะมีอีกส่วนหนึ่งที่เราคงจะหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้
ลองมองให้ลึก…
ลองมองให้ตรง แบบไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด…
มันมีที่มาและเหตุผลของมัน…
ที่จั่วหัวไว้ตรงต้นคอลัมน์เรื่องการเปลี่ยนแปลง ก็เพราะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน วิถีในการดำเนินชีวิตย่อมเปลี่ยน เด็กสมัยนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อยากมาเรียนก็มา ไม่อยากมาก็ไม่มา ไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งจดเลคเช่อร์ มานั่งเพื่อให้ได้คะแนนเข้าห้องก็เท่านั้น การบ้านก็ไม่จำเป็นต้องส่งตามเวลาที่อาจารย์สั่ง
อันนี้เหมือนจะเป็นการรื้อสิ่งที่เราถูกปลูกฝังมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะวิชาชีพสื่อมวลชนที่ไม่มีทางลัด ไม่มีคอนเนคชั่น ทุกอย่างต้องได้มาจากความขยัน ความตั้งใจ มานะอดทน และที่สำคัญที่สุดคือการตรงต่อเวลาและการซื่อสัตย์ต่ออาชีพ
แต่มองในมุมกลับแบบร้อยแปดสิบองศา ที่เด็กเป็นแบบนี้ เพราะวิธีการสอนของเรามันห่วยรึเปล่า ระบบการศึกษาของเรามันพิกลพิการใช่ไหม เราถึงเรียกความสนใจจากเขาได้ไม่มากพอ ต้องมองให้ลึกถึงสาเหตุของปัญหา และต้องมีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เราลองมานั่งเปิดอกคุยกันดีไหม…
ว่าแล้วก็ว่าจะไปนั่งคุยกันกับนักเรียนแบบตัวต่อตัวในห้องสักทีว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน อาจารย์สอนไม่รู้เรื่องรึเปล่า หรือนักเรียนอยากจะเรียนวิธีไหน เรื่องของวิธีเรียนนี่สำคัญ เพราะถึงแม้เราจะมีเนื้อหาเดียวกัน แต่การสื่อให้ถึงเนื้อหามันมีอยู่หลายวิธีที่สามารถจะทำได้ และสามารถไปถึงจุดหมายเดียวกันได้
แทนที่จะโทษเด็กอย่างเดียว…
ลองกลับมาดูความผิดพลาดของตัวเองบ้างจะดีกว่าไหม?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น