วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รอยยิ้มกับความคิด

ปลาฉลามตายเรียงราย ก่อนจะเปลี่ยนขึ้นมาเป็นอาหารขึ้นชื่อบนโต๊ะ
เครดิตรูปจาก http://www.postjung.com/

วันนี้มีคนชวนไปกินหูฉลาม ได้ยินแล้วก็ได้แต่เบ้หน้า และถ้าไม่รักกันจริงคงปฏิเสธไปแล้ว เพราะตั้งใจเลิกกินอาหารประเภทนี้มาหลายสิบปี แค่รู้สึกว่าความเอร็ดอร่อยของเรา ต้องเป็นการเบียดเบียนอีกชีวิตหนึ่งจนเกินไปหรือเปล่า
เพราะถือคติว่าไม่มีดีมานด์ ย่อมไม่มีซัพพลาย ถ้าเราเลิกกิน นั่นหมายถึงดีมานด์ได้หายไปหนึ่ง รู้ว่าไม่สามารถไปห้ามใครไม่ให้คิดแบบนี้ได้ แต่คิดแค่ว่าเราต้องเริ่มต้นจากตัวเองก่อน แต่การไปวันนี้ไม่เสียหาย (เปล่า! ไม่ได้กินหูฉลามอย่างที่ตั้งใจไว้)
ที่ว่าไม่ได้เสียหาย เพราะได้ข้อคิดอะไรดี ๆ กลับไปนอนอมยิ้มที่บ้านแบบไม่ได้ตั้งใจ
คนหนึ่งคน เรื่องหนึ่งเรื่อง เราอาจจะได้รับฟังกันคนละแบบ เป็นเรื่องของต่างคนต่างมองกันคนละมุม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
วันนี้ได้คุยกับอาเจ๊เจ้าของร้านหูฉลามเล็ก ๆ ในตึกแถวคูหาเดียว มิตรภาพเกิดขึ้นง่าย ๆ เมื่อเรามองไปที่หัวไชเท้าทอดกับเป๊าะเปี๊ยะทอด เป็นอาหารที่แกกำลังนั่งละเลียดอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง มองไปเห็นแล้วรีบสั่งบ๋อยว่าเอาแบบนี้หนึ่งจาน บ๋อยรีบตอบว่าไม่มีในเมนู เพราะเป็นอาหารของเจ้าของร้าน
แต่แกคงได้ยิน สักพักแกให้บ๋อยเดินถือจานที่มีอาหารอย่างที่เราอยากจะสั่งเมื่อกี้มาให้ แถมบอกว่าอาเจ๊เอามาให้ลองชิม แล้วบทสนทนาดี ๆ ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น
แกเล่าให้ฟังว่า แกกินอาหารประเภทนี้แล้วนึกถึงวันเก่า ๆ เมื่อวันที่แกต้องเลี้ยงลูกหลายคน และยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่ให้ลูกกินได้ทุกวัน อาหารแป้ง ๆ ทอด ๆ ประเภทนี้สามารถทำให้ท้องของลูก ๆ แกอิ่ม จนมาถึงวันนี้แกก็เลยติดที่จะกินอาหารประเภทเดิม เพียงเพราะมันจะช่วยย้อนแกกลับไปในช่วงเวลาเก่า ๆ ดี ๆ กับลูก ๆ
มาวันนี้อาเจ๊ได้เป็นเจ้าของร้านหูฉลาม ต้อนรับขับสู้ลูกค้ามานานหลายสิบปี แกเหลือบมองมาที่โต๊ะอาหารเรา และแน่นอนว่าแกจะต้องเจอเจ้าซุปหูฉลามมีชื่อของทางร้านตั้งอยู่ อาเจ๊เล่าให้ฟังว่าแกไม่ได้กินมานานมากแล้ว เพราะแค่มองหรือได้กลิ่นก็รู้สึกเบื่อเหลือเกิน
อาเจ๊เล่าต่อแบบคงไม่มีใครผ่านมาให้นั่งคุยกันบ่อย ๆ ว่า มีลูกค้าประจำหลายคนต้องแวะเวียนมากินหูฉลามที่นี่ทุกเย็น (เราแอบคิดไม่ได้ว่า มันต้องสังเวยด้วยฉลามกี่ตัว) แกบอกลูกค้าตรง ๆ ว่าไม่ต้องมากินทุกวันก็ได้ กลับบ้านไปนั่งกินน้ำพริกกับผักต้มบ้าง เพราะกินหูฉลามทุกวันมันแพง
บ่น ๆ ประมาณว่า ลื้อจากินอาไรกันทู้กวันว้า
ฟังแล้ว เราแอบอมยิ้ม!
เราเลยชวนคุยถึงสภาพเศรษฐกิจทั่ว ๆ ไปว่าร้านแกขายเป็นอย่างไรบ้าง อาเจ๊เล่าให้ฟังอย่างเปิดเผยว่า กิจการที่ผ่านมาไม่ค่อยดี แต่แกก็มองไปว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ อย่าไปเครียดกับมัน ทำทุกวันให้มันผ่านไปให้ดีที่สุดดีกว่า
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นคำพูดที่บอกเล่าให้เราฟัง มันยังเป็นคำพูดที่ไว้ใช้ปลอบสามีของอาเจ๊ที่ดูเหมือนจะทำใจไม่ได้กับรายรับที่ลดน้อยลง สามีแกเครียดมากจนกระทั่งล้มป่วยลง
จะคิดอะไรให้มันมาก เรามีหน้าที่ขายก็ขายไป ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน
อืม! จริงซิ คนเรามีหน้าที่อะไรก็ทำไป วันเลวร้ายที่ผ่านเข้ามา สักวันมันก็ต้องผ่านไป เหมือนกับวันดี ๆ ก็เช่นกัน เมื่อมันผ่านเข้ามาให้เราชื่นใจ แล้วมันก็จะผ่านไปเหมือนกัน
ดีหรือร้าย สุขหรือทุกข์ สมหวังหรือผิดหวัง
แล้วเราก็จะผ่านมันไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น