ขอบคุณรูปจากแสน เพื่อนนิเทศ |
เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยมีความสุขกับโลกใบเก่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยเด็ก, เริ่มเข้าวัยรุ่น, วัยเรียน, รุ่นหลังเรียนจบใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งวัยทำงาน ความสุขของเราแต่ละคนคงต่างกันไปตามความนึกคิด และรสนิยมที่แตกต่างกัน
วันนี้เป็นวันดี ๆ อีกวันหนึ่ง ที่เราได้ย้อนตัวเองกลับไปในช่วงเวลาเหล่านั้น ผ่านรถโฟล์คเต่าเก่า ๆ ของเพื่อนเก่า ซึ่งได้ถือกำเนิดปีเดียวกันกับเราคือปี 1971 รถคันนี้นับรวมอายุได้ 40 ปีพอดี ๆ จะว่าเก่าก็เก่า จะว่าแก่ก็แก่ แต่มันเป็นแอนทีค คงจะประเมินค่าไม่ได้สำหรับคนนิยมของเก่า
จำได้ว่าสมัยเรียนจุฬา ฯ เราเอารถของป้ามาขับ เป็นรถโฟล์คเต่ารุ่นเดียวกัน ปีเดียวกันนี่แหละ รถคันนี้มีตำนานความรักอบอวลเต็มไปหมด เพราะเป็นรถที่ป้ากับลุงซื้อมาในช่วงแต่งงานกัน เราเองถือวิสาสะช่วงที่ลุงซื้อรถใหม่ และป้ายังขับรถไม่เป็น เอามันเอามาวิ่งเล่น (และตาย) บนถนนได้อยู่หลายปี
ช่วงที่ขับตอนนั้น จากสามย่านถึงวิภาวดี รู้สึกว่าไม่ได้ไกลอะไรมากมาย เพราะรถยังไม่หนาแน่นเหมือนทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะรถที่ค่อนข้างเอาใจยาก อยากวิ่งก็วิ่ง อยากจะดับก็ดับ (แบบไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า)
ยิ่งถนนวิภาวดีเมื่อ 20 ปีก่อน ยังเป็นถนนโล่ง ข้างทางบางช่วงยังเป็นทุ่งนาอยู่บ้าง และตึกรามบ้านช่องก็ยังบางตา และที่สำคัญในช่วงที่เทคโนโลยียังเข้ามาไม่ถึง ลืมคำว่าโทรศัพท์มือถือไปได้เลย ในกรณีที่รถเสียแล้วจะโทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ
เพราะฉะนั้น ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตน…
จำได้ว่า ทุกครั้งที่สตาร์ตรถออกจากบ้าน จะต้องภาวนากับตัวเองว่า ขออย่าให้ดับกลางสะพานเป็นพอ ไม่ได้ขอถึงขนาดไม่ให้เสียกลางทาง หรือทุกครั้งที่ขับออกจากจุฬา ก็จะขอแค่ว่าจะดับก็ขอให้ดับตรงช่วงที่มีคนเยอะหน่อย เพราะค่ำมืดบนถนนวิภาวดี มันเงียบเหงาวังเวงชอบกล
วันไหนฝนตกต้องเตรียมใจไว้ได้เลย…
ว่ารถจะกลายเป็นอ่างปลาโดยธรรมชาติ…
หลังจากญาติดีกันก็แล้ว (ด่ามันบ้างบางครั้ง) ก็เหมือนจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เคยคิดสาปส่งว่าชาตินี้ขออย่าให้มาเจอกันอีกเลย แต่หลังจากปลดระวางมัน แล้วมาขับรถกลางเก่ากลางใหม่คันต่อมา แปลกแต่จริงเคยคิดถึงกลิ่นของรถเต่าอยู่บ่อย ๆ ถ้าใครขับรถยี่ห้อนี้จะรู้ว่า มันมีกลิ่นเฉพาะตัวโดยเฉพาะเวลาเราเปิดประตูเข้าไปนั่ง
วันนี้กลิ่นนั้นก็ยังอยู่…
แม้จะไม่ใช่รถของป้า…
และมันยังคงเข้ามากวนจิตใจพาตัวเองกลับไปในวันเวลาเก่า ๆ…
ของบางอย่างกับคนบางคน ไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันง่าย ๆ แม้ว่าตัวเองจะบอกว่า ไม่เอาอีกแล้วรถโฟล์คเต่า แต่มีหลายครั้งที่เราแอบมองคนขับรถเต่า พร้อมกับบอกตัวเองว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะกลับไปขับมันอีกสักครั้ง
ขอบคุณเพื่อนเก่าที่พาเรากลับไปช่วงในวันเวลาทั้งดีและไม่ดีเหล่านั้น…
มันเป็นความทรงจำที่สนุก ทั้งสุขปนทุกข์ เพราะนึกถึงทีไรก็อดยิ้มไม่ได้สักที…
ว่าแล้วเสียงป้าก็ลอยเข้ามาในหูแว่ว ๆ ว่า…
“วันนี้รถเสียอีกรึเปล่าลูก”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น