เครดิตรูปจาก www.propharmasuki.blogspot.com |
ไม่รู้เป็นอย่างไรพักหลังนี้ ได้ยินข่าวคนเป็นมะเร็งบ่อยเสียยิ่งกว่าคนเป็นหวัดเสียอีก อาจจะเป็นช่วงอายุที่ใกล้ถึงหลักสี่ นอกจากจะไม่ได้ยินข่าวคราวเรื่องงานรื่นเริงแล้ว ส่วนใหญ่จะพบเจอเพื่อน ๆ ตามงานศพหรือไม่ก็ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
ไม่ใครเป็นอะไร ก็ญาติพี่น้อง เพื่อน ญาติของเพื่อน และ ฯ ล ฯ
จำได้ว่ากลับไปเมืองไทยหนที่แล้ว ประมาณ 3-4 หนจะต้องไปงานศพ หรือไม่ก็ต้องแวะเวียนผ่านเข้าไปโรงพยาบาลเป็นระยะ ๆ
เรื่องของคนเป็นมะเร็ง (ที่ดูเหมือนจะเป็นโรคฮิตยิ่งกว่าเป็นหวัดคัดจมูก) ใครไม่มาเป็นไม่รู้ว่ามันเสียขวัญกำลังใจขนาดไหน ทั้งตัวผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย จนกระทั่งล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่คนใกล้ตัวมาเยี่ยมที่แอลเอ ช่วงนั้นแฮปปี้กันสุด ๆ ก่อนกลับ 1 วันแม่ของคนใกล้ตัวโทรมาบอกว่า แม่อาจจะเป็นมะเร็ง
เล่นเอาซึมไปตาม ๆ กัน…
เลยมานั่งพูดกันถึงเรื่องกำลังใจนี่เป็นสิ่งสำคัญ บางทีคนเราอาจจะตายเพราะไม่มีกำลังใจที่จะอยู่มากกว่าการเป็นมะเร็งจริง ๆ เสียอีก
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นหลังจาก แม่ของคนใกล้ตัวมีตุ่มบวมใหญ่เกิดขึ้นในช่องปาก ประกอบกับเธอเป็นนางพยาบาลมาก่อน พอเห็นก้อนเนื้อนี้ทำให้รู้สึกว่าจำเป็นต้องรีบพบหมอด่วน เพราะประสบการณ์กำลังบอกเธอว่า ชีวิตเธออาจกำลังโดนคุกคามจากโรคท็อปฮิตนี้
ไม่ทันที่จะรอลูกสาวกลับเมืองไทย ตัวเองเลยไปหาหมอที่รู้จักกันให้ดูก้อนเนื้อเจ้าปัญหานี่ก่อน คุยกันแบบเปิดอกเพราะถือว่าเป็นเพื่อนกัน หมอเองพอเห็นแผลแล้ว ก็เลยฟันธงไปก่อนเลยว่า เขามั่นใจว่าประมาณ 50 เปอร์เซนต์อาจจะเป็นมะเร็ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องส่งไปให้หมอเฉพาะทางดูให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง
เชื่อไหมว่า หลังจากแม่ได้ฟังข่าวร้ายนี้แล้ว แม่กลับกลายเป็นคนละคน จากแม่ที่เคยร่าเริง สนุกสนานกับการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างคุ้มค้าที่สุด กลายเป็นคนซึม พูดน้อย บ่น ๆ ถึงขนาดว่าถ้าเป็นจริง ๆ แล้วแม่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก
จริง ๆ แล้วตั้งแต่รับฟังข่าวทางโทรศัพท์ เราสองคนก็ช็อคไปสักพักใหญ่ หลังจากนั้นก็รวบรวมสติว่า อะไรจะเกิดมันคงต้องเกิด แทนที่จะมัวกลัว เราต้องหาความจริงและยืนยันจากหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านโรคนี้ก่อนว่าแม่เป็นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเราจะรักษาหรือรับมือกับมันอย่างไร
ก่อนจะตื่นตระหนกกันมากไปกว่านี้ คนใกล้ตัวดูเหมือนจะมีสติมากว่าใครอื่น รีบโทรไปหาหมอเฉพาะทางที่จะส่งตัวแม่เข้าไปตรวจอย่างเร็วที่สุด เร็วที่สุดของเราคือ 5 โมงเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา
วันนั้นเวลานั้น ช่วงรออยู่หน้าห้องตรวจ เป็นเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิต…
แล้วความจริงก็เปิดเผยออกมา หลังจากคุณหมอตรวจแผลในช่องปากของแม่แล้ว ก็ยิ้มร่าและหัวเราะออกมาทันที พร้อมบอกกับตัวคนไข้เองว่า “ผมมั่นใจว่าคุณไม่ได้เป็นมะเร็ง คุณเป็นแค่ต่อมน้ำลายอักเสบเท่านั้น”
พอได้รับฟังจากปากหมอเท่านั้น ดูเหมือนว่าเราจะได้แม่คนเดิมกลับมาทันทีทันใด แม่กลับกลายเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้ม (บ่นเยอะ) พร้อมกับเอ่ยปากชวนลูกสาวไปหาอะไรกินกันหลังจากกินไม่ลงอยู่หลายวัน
เขียนมาถึงตรงนี้เลยอยากจะบอกว่า กำลังใจนี่เป็นสิ่งสำคัญ และหาซื้อกันไม่ได้ แม่อาจจะโชคดีกว่าคนอื่นที่ไม่ได้เป็น แต่สำหรับคนที่เป็นมะเร็งไม่ใช่ว่าคุณโชคร้ายกว่าใครอื่นเขา เราต้องคิดให้ได้ว่าเราจะอยู่อย่างไรต่อไป และต้องอยู่ให้ได้ดีอย่างไรมากกว่า
เขียนมาในวันที่คิดว่ากำลังใจที่เรามีให้กัน เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในวันที่โรคภัยอาจจะกำลังมาเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน
ส่งกำลังใจ ให้ผู้เขียนกลับไปเช่นกันคะ ^^
ตอบลบ