วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ขายฝัน

เครดิตรูปจาก http://www.learners.in.th/

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการเร่ขายฝันของนักการเมืองไทย จะเรียกว่าเป็นช่วง prime time แบบโฆษณาทางทีวีก็คงไม่ผิดนัก แต่ฝันของพวกเขาจะขายได้หรือไม่ อันนี้คงต้องรอจนถึงวันเลือกตั้ง ใครจะมาใครจะไป ใครจะได้ใครจะเสีย ใครจะไปถึงฝั่งหรือตกม้าตายเสียก่อน วันนั้นคงเป็นอันรู้กัน
เมื่อถึงฤดูเลือกตั้ง เรื่องการขายความฝัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาของนักการเมืองบ้านเรา สัญญาหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่เรากำลังตัดสินใจจะเลือกใครเข้าไปนั่งในสภา แต่สัญญาหลายครั้งเป็นเหมือนแค่ลมปากเป่า ผ่านมาแล้วผ่านเลยไป
คนเราอะไรมันช่างลืมง่ายขนาดนี้
เพราะความที่ไม่เชื่อใครง่าย คำมั่นสัญญาหลายของนักการเมืองผ่านทางสื่อหลาย ๆ ช่องทาง ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า จะมาช่วยพัฒนาชาติบ้านเมืองกันอย่างไรหรือแบบไหน เพราะแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ เขายังทำไม่ได้ดี แล้วจะมาทำสิ่งใหญ่ ๆ ให้คนหมู่มากได้อย่างไร
คิดเอาแบบง่าย ๆ เขาหลายคนขายฝันว่า ถ้าเขาถูกเลือกเข้าไปนั่งในสภา เขาจะพัฒนาบ้านเมือง กระจายรายได้ไปสู่ชนบท ให้เด็กนักเรียนทุกคนมีแล็บท็อปใช้ ให้ทุกคนมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และ ฯ ล ฯ คำถามคือว่า มันจะเป็นไปได้หรือ เพราะแม้แต่สมาชิกในครอบครัวของเขาเองยังสร้างความวุ่นวายปวดหัวไม่พ้นแต่ละวัน
คนเราจะอาสาตัวเองออกไปรับใช้สังคมและบ้านเมือง แต่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด คิดตามหลักตรรกะ ก็ต้องถามแบบชาวบ้านว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร (ฟร่ะ)
เหมือนกับว่าเราอยากจะออกไปช่วยโลก แต่แม่แค่ขอให้เราอยู่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน อยู่เป็นเพื่อนแม่บ้าง เรายังทำไม่ได้เลย แค่สิ่งเล็ก ๆ เรายังทำไม่ได้ ก็อย่าไปหวังที่จะไปทำอะไรที่มันใหญ่เกินตัว
เริ่มต้นกับสิ่งเล็ก ๆ กันก่อนดีไหม
ค่อย ๆ ก้าวไปทีละขึ้น สร้างรากฐานให้มันมั่นคงก่อน เวลาเดินขึ้นไปบนยอดสูง ๆ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าฐานมันจะพัง เริ่มต้นจากที่ฝรั่งเรียกกันว่า baby step ค่อย ๆ ก้าวทีละนิด ทำตามกำลังที่ตัวเองมี เมื่อวันที่เราพร้อมแล้วค่อยก้าวออกไปสู่โลกกว้าง เมื่อนั้นเราจะเข้าใจถึงคำว่า การออกไปช่วยเหลือคนอื่นอย่างมีความสุขที่สุดเป็นอย่างไร
การมีความฝันเป็นสิ่งที่ดี
เพราะความฝันจุดประกายให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไป
แต่การเร่ขายฝัน น่าจะเริ่มจากการที่เราได้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อน ก่อนที่จะก้าวออกไปทำอะไรให้กับสังคมที่ใหญ่ขึ้น
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญ เริ่มต้นจากการดูแลคนใกล้ ๆ เราให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยก้าวออกไปนอกบ้านเพื่อช่วยเหลือสังคมที่ใหญ่ขึ้น
และการจะซื้อความฝันของใครสักคน ให้คิดให้ดีให้ถี่ถ้วน ว่าวันนี้เขาพูดไปแล้ววันหน้าเขาจะทำได้ไหม ที่เขียนแบบนี้ไม่ได้มีความมุ่งหมายที่จะชี้นำให้ใครตัดสินอะไรใคร เอาความจริงเอาเหตุผลมาคิดก่อน เรายังมีเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ๆ และไม่ว่าคนไทยเราจะอยู่ที่ไหน อย่าลืมว่าเรามีหน้าที่สำคัญที่ต้องออกไปเลือกตั้งต้นเดือนหน้า
แค่จำไว้อย่างเดียว โนโหวตไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา
วันนี้บ้านเมืองต้องการพลัง เมื่อถึงเวลาแสดงพลัง เราต้องออกไปแสดงสิ่งที่เราเชื่อสิ่งที่เราคิดผ่านการกากบาทเลือกตั้งในคูหา
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ๆ ของโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น