วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

อาจารย์เก่ง (ภาคต่อ)

อาจารย์เก่งชี้ชวนให้ดูเฝือกสีสดใสของเธอ


สติเท่านั้น จะทำให้เราผ่านมันไปได้

เป็นคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ อาจารย์เก่งทิ้งเอาไว้ระหว่างการสัมภาษณ์ในวันสบาย ๆ ที่ห้องเรียนก่อนวันสิ้นปีเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา สติมาพร้อมกับกำลังใจและการมองโลกในแง่ดีทำให้เธอ ผ่านช่วงความเป็นความตายมาได้แบบ คงจะให้หลายคนมานั่งเล่าเรื่องที่ตัวเองพบเจอ แบบยิ้มแย้มแจ่มใสคงจะหาได้ยากพอสมควร

หลังจากหอบผ้าหอบผ่อน ตัดสินใจกลับเมืองไทย โดยมี mission เดียวคือ อยากช่วยคนช่วงที่เมืองไทยโดนซึนามิถล่ม แล้วเธอก็ได้ไปเริ่มต้นที่เขาหลัก จังหวัดพังงา ทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเยียวยาจิตใจในเบื้องต้นก่อน โดยเธอถือคติว่า การสูญเสียครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน

และการบำรุงรักษาจิตใจ

จะทำให้พวกเขาเหล่านั้น

ผ่านเรื่องราวที่เหมือนฝันร้ายไปได้

ในขณะที่ลงไปคลุกคลีช่วยเหลืออยู่ได้เกือบปี อาจารย์เก่งไม่รู้ตัวเลยว่า เธอเองก็กำลังจะเจอบททดสอบชีวิตครั้งใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตัวเธออย่างเงียบ ๆ และช้า ๆ

ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ นึกไปแค่ว่าตัวเองคงจะกินมาก และอ้วนเกินเหตุ จนทำให้เธอมีหน้าท้องที่ใหญ่เกินตัวอาจารย์เก่งยังคงเล่าให้เราฟังแบบยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับโชว์ภาพประกอบบนผืนผ้าสไลด์ในห้องเรียน ในช่วงที่เธอต้องเข้าบำบัดและรักษาโรคมะเร็งรังไข่ด้วยวิธีคีโม ฯ อยู่ถึง 6 เดือน

การเข้าบำบัดรักษาครั้งนี้ เกิดขึ้นมาจากการเธอต้องเข้ามาเยี่ยมคุณแม่ ที่ยังคงอาศัยอยู่ในกรุงเทพ ฯ ทุกเดือน คุณแม่ช่วยเตือนเธอให้ลองไปให้คุณหมอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เช็คดูอีกที แต่แล้วหลังจากการตรวจ เธอก็ออกมาบอกกับแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า

คุณหมอบอกว่าเก่งเป็นมะเร็ง

เธอเล่าต่อว่า เธอไม่ได้รู้สึกว่ามะเร็งเป็นโรคที่ร้ายแรง ที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ ในขณะที่คุณแม่ของอาจารย์เก่ง แทบจะทรุดอยู่ตรงหน้าห้องตรวจ คนที่แข็งแรงกลับเป็นอาจารย์เก่งคนเดียวที่เหมือนจะส่งกำลังใจไปให้แม่เธอฟังว่า

แล้วเราก็คงจะผ่านมันไปได้เหมือนทุก ๆ ครั้ง

6 เดือนต่อมา คนไข้เก่ง (ที่เธอมักจะเน้นย้ำระหว่างการพูดคุยตลอดเวลาว่า เธอทำตัวไม่เหมือนคนป่วย) ออกจากโรงพยาบาล ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ ได้เวลาต้องกลับไปเขาหลักทำงานอีกครั้ง เพื่อสานต่อเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จให้มันสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

การกลับมาของเธอครั้งนี้ ทำท่าจะไปได้สวยอยู่สักพักใหญ่ และเธอเองก็ดูเหมือนจะพอใจกับชีวิตเรียบ ๆ ง่าย ๆ ในการได้ช่วยเหลือคน และยังได้แลกกับเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อทำให้ชีวิตจริงกับชีวิตอาสา ได้เดินไปด้วยตัวของมันได้แบบไม่เดือดร้อนใคร

จนกระทั่งวันหนึ่ง บททดสอบชีวิตชุดใหญ่ ก็จู่โจมเข้ามาจนเธอเองไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกครั้ง เมื่อเธอได้รับมอบหมายให้ไปรับเพื่อนฝึกงานในกลุ่มอาสาสมัครนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วระยะทางที่เธอขับรถใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที แต่มันเป็นเพียงแค่ 10 นาทีที่ทำให้ชีวิตของอาจารย์เก่งคนนี้ได้ทดสอบความเก่งอีกครั้ง

ใครที่ขับรถผ่านบนถนนเส้นนั้นในวันนั้น และถ้าได้เห็นสภาพรถที่กองอยู่ข้างทาง ต่างคนต้องพาส่ายหน้าว่าคนขับอย่างไรก็คงไม่มีทางรอด แต่เธอก็รอดมาได้ราวปาฏิหารย์ ในขณะที่เธอเล่าเรื่องราวให้พวกเราฟัง เธอก็ยังคงเน้นและย้ำว่าเธอเป็นคนโชคดีมาก ๆ เรานั่งนับคำว่า โชคดีที่เธอพูดให้เราฟังอย่างน้อย 30 ครั้งภายในระยะเวลาเพียงแค่ 60 นาที

จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น ถึงแม้ร่างกายของเธอจะบอบช้ำ และยังคงรอวันที่จะฟื้นกลับมาให้ได้ดีเหมือนเดิม แต่จิตใจของเธอกลับหมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม จนเราอดคิดในใจไม่ได้ว่า

ผู้หญิงคนนี้ เก่งสมชื่อ

เธอบอกกับเราแค่สั้น ๆ ว่า แล้วเรื่องเหล่านี้มันก็จะผ่านไปเหมือนทุก ๆ ครั้ง ขอบคุณสำหรับบทสนทนาดี ๆ ที่ทำให้คนกลุ่มเล็ก ๆ ในห้องเรียนวันนั้นรู้สึกว่า ชีวิตนี้มันไม่มีอะไรเลวร้ายจนเกินไป ผ่านมาแล้วผ่านไป เชื่อว่าความรู้สึกที่เราถ่ายทอดให้กันในวันนั้น

เป็นเหมือนของขวัญที่ดีที่สุดในวันปีใหม่

เป็นเหมือนการเตือนในการเดินทุกย่างก้าวของชีวิต

ต้องไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ




1 ความคิดเห็น:

  1. จารต้าเขียนดีจังเลยค่ะ อ่านแล้วซึ้ง >.< ขอบคุณมาก ๆนะคะสำหรับเรื่องราวดี ๆในช่วงปีใหม่ ^^

    ตอบลบ