วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เด็กไทยกับลูกอีแร้ง

ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ

เคยคิดเล่นๆแบบตลกร้ายว่า นี่เราโดนหลอกให้เข้ามาอยู่ในระบบการศึกษา 12 ปีใช่รึเปล่า คือตั้งแต่ประถม 1 ถึงมัธยม 6 จากนั้นก็ตะเกียกตะกายสอบแข่งกันหน้าดำเคร่งเครียดเพื่อเข้าไปในระบบมหาวิทยาลัยอีก 4 ปี ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองทำอะไรได้ดี หรือฝันอยากเป็นอะไร

ใครเป็นคนบอกว่าต้อง 12 ปี แล้วจะต้องต่ออีก 4 ปี!!! ซึ่งนี่ถือเป็นมาตรฐานการศึกษาของเด็กไทยจริงๆหรือ?

ใครบอก ใครตั้งกฎเกณฑ์ แล้วอะไรมาวัดว่าต้องเป็นเช่นนั้น

มาฟังสัมภาษณ์มิสเตอร์ “จับฉ่ายแมน” หรือดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ ในรายการเจาะใจ (ซึ่งเขียนไปเมื่อาทิตย์ที่แล้ว) ว่าเป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้ร่วมงานกับองค์กรนาซ่า แต่ในที่สุดกับปฏิเสธงานที่ได้รับมอบหมายเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจะให้เดินทางไกลถึง 450 ล้านปีแสงเพื่อออกไปสำรวจว่าสุดขอบโลกมีอะไร

เมื่อมุมมองชีวิตเปลี่ยน เขาตัดสินใจหันหลังกลับมาเดินทางครั้งใหม่ แต่คราวนี้เป็นการเดินทางเข้าไปสำรวจหัวใจตัวเอง เป็นการสัมภาษณ์ที่สนุกมาก มีเนื้อหาสาระ ให้ข้อคิดให้อาหารกับรอยหยักของสมองของเราได้อย่างมาก แล้วพอมาฟังเขาพูดถึงระบบการศึกษาไทย

แหม! อันนี้มันกระแทกใจเราเข้าอย่างจังเบ้อเร่อ!

ดร. วรภัทร์พูดแบบค่อนข้างมั่นใจและฟันธงว่า ระบบการศึกษาของไทยล้มเหลว เปรียบเด็กไทยเหมือนกับ “ลูกอีแร้ง” ที่ต้องคอยแม่อีแร้งมาป้อนอาหารใส่ปาก ให้ออกไปศึกษาค้นหาเอง อันนี้ทำไม่เป็น ต้องคอยไปนั่งอยู่ตามโรงเรียนกวดวิชา

ซึ่งอันนี้มันสะท้อนอะไรได้อย่างหนึ่งว่า ครูในโรงเรียนให้ความรู้ไม่พอหรือ ทำไมเด็กต้องไปเสียเงินเพิ่มเติมอีก หรือครูคิดแค่ว่าให้ไปแค่นี้ก่อน อยากได้มากกว่านี้ต้องไปเจอฉันที่โรงเรียนกวดวิชา ฮา ๆ ๆ ๆๆ

นี่ระบบมันผิดเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว!!!

จำได้ว่าตอนตัวเองเรียนอยู่มัธยม 3 หัวเลี้ยวหัวต่อจะเข้ามัธยม 4 สมัยนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร แต่สมัยโน้นทุกคนต้องมุ่งหน้าไปโรงเรียนเตรียมอุดม ไอ้เราก็ไม่ต่างอะไรกับลูกอีแร้ง คือไปสมัครเรียนเพิ่มเติมที่โรงเรียนกวดวิชากับเขาเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้พอมองย้อนกลับไปแล้วอยากจะบ้า แต่อย่างว่าคนเราอาจจะทำอะไรโง่ๆสักอย่างสักครั้งหนึ่งในชีวิต อันนี้น่าจะให้อภัยกันเนอะ ๆ ๆ

ตอนไปนั่งเรียน โอ้โหทรมานมาก ถามตัวเองในใจว่า “นี่ตรูมานั่งทำอะไรที่นี่ (หว่ะ)”

อยากสอบติดก็อยากแหละ แต่ใจมันลอยออกนอกห้องเรียนแถวกิ่งเพชรไปโน่นแล้ว สนามบาสเกตบอล… ทนเรียนไปได้สักพัก บอกแม่ว่าไม่ไหวแล้ว สอบไม่ติดอย่าว่ากันนะ ตอนนี้ขอไปเล่นกีฬาก่อน แล้วด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งข้อสอบมันเป็น multiple choices เราอาจดวงดีมั่วตอบถูก เลยได้เข้าไปทำโก้อยู่โรงเรียนที่ใครๆก็ว่าเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของประเทศ

ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครเอามาตรฐานอะไรมาวัด

แล้วจับพลัดจับผลูก็สอบเข้านิเทศ จุฬาฯ ได้ ซึ่งอาจจะเป็นความบังเอิญอีกครั้งหนึ่งของชีวิตก็ได้ใครจะไปรู้ พอมานั่งฟังสัมภาษณ์ดร. วรภัทร์เรื่อง “ครูกอดตำราพากันจมน้ำตาย” คือตำราก็ตำราเดิม ไม่รู้ผ่านไปกี่สมัยแล้วก็ไอ้เล่มเดิมนี่แหละ สอนก็สอนแบบขอไปที ข้อสอบที่ออกก็ข้อสอบเดิม ซึ่งออกมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว

จำได้ว่าก่อนสอบหนึ่งคืน ก็เอาข้อสอบเก่ามาท่อง ๆ ๆ ๆ ๆ พรุ่งนี้ไปสอบ แค่เนี้ยะ!

ดร. วรภัทร์เขียนเรื่องระบบการศึกษาไทยไว้ในเว็บไซต์ www.gotoknow.org ชื่อ blog ว่า ariyachon (อริยชน) ว่างๆลองเข้าไปอ่านดูแล้วรู้สึกว่าเออ ถ้าบ้านเมืองเรามีคนประเภทนี้เยอะๆ ประเทศเราคงเจริญไปถึงไหนๆแล้ว

เขาเขียนไว้ตอนหนึ่งว่าในสมัยโบราณ การจะเรียนผ่านวิชาอะไร เขาใช้แบบ สอบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนผ่าน เรียนไปกี่ปีก็ช่าง เช่น หมอชีวกไปเรียนที่ตักศิลา สอนวันสุดท้าย อาจารย์ถามว่า "ในระยะ 1 เส้น รอบตึกนี้ ต้นไม้ใดทำยาไม่ได้บ้าง"

หรือเส้าหลิน ใช้การผ่านด่าน 18 อรหันต์

“การศึกษายุคใหม่แบบชุ่ยๆ จบๆไป เร่งให้จบ 4 ปี ใช้ระบบตัดเกรดมันมักง่ายดี ..... พอจบแล้ว โยนภาระให้ องค์กร หน่วยงานต่างๆ รับภาระไปสอนต่อ”

ใครๆก็คงอยากจะเป็นปลาที่ว่ายตามกระแสน้ำ เพราะมันว่ายได้เร็วดี ไม่เหนื่อย ถึงฝั่งเหมือนๆกัน แต่จะมีสักกี่คนที่ประกาศทุบโต๊ะดังเปรี้ยง พร้อมประกาศว่า “เราจะขอเป็นปลาที่ว่ายทวนกระแส”

และแน่นอน ถ้าหากจะเปรียบเทียบ ดร. วรภัทร์คงจะเป็นหนึ่งในปลาประเภทหลัง ว่ายได้ช้าๆ เหนื่อยหน่อย แต่สักวันคงถึงฝั่งเหมือนๆกัน

(เป็นบทความตีพิมพ์ในคอลัมน์ต่างองศา วันที่ 23 มีนาคม 2553)

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านจาก Blog แล้วก้อเห็นด้วยเหมือนกันค่ะ
    แต่ ... ยังมีคำถามที่ค้างคาใจคือ ทำไม คนที่เก่งๆ ดีๆ อย่าง ดร.วรภัทร์ คนที่เป็นอาจารย์ในจุฬาส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากคบค้าสมาคมกับแกคะ หรือเป็นเพราะแกเก่งเกินไป มีความคิดแตกต่างจากอาจารย์ท่านอื่นเกินไป หรือ ......

    หรืออย่างเด็กนักศึกษาบางคน ที่มีแนวคิดที่เรียกว่า ขบฏ กับค่านิยมทั่วไป คิดสวนกระแสกับคนอื่นๆในวัยเดียวกัน นั่นก้อด้วย

    หรือคนไทย จะรับไม่ได้กับคนที่คิดแปลกแยกจากตน และ คนที่เก่งกว่าคะ

    ที่ถามพี่ Jira เพราะสงสัย เท่านั้นเองค่ะ

    ตอบลบ