วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คุณค่าในตัวเอง

ตัวอย่างหนังสือก่อนพิมพ์
ช่วงปลายปีที่แล้ว วันที่โรงพิมพ์มาส่งหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คของตัวเองที่หน้าบ้าน วันที่หนังสือค่อยๆถูกทยอยขนลงมากองโตอยู่ที่หน้าห้องเก็บของ ตัวเองนั่งลงที่พื้น ค่อยๆเปิดหนังสือออกดูทีละเล่ม ๆ นั่งลูบ ๆคลำ ๆ เหมือนหนังสือเล่มที่อยู่ในมือนี้เป็นของมีค่าสำหรับตัวเองเหลือเกิน

ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกออกมาคงไม่ง่ายอย่างที่ใจอยากจะพูดทั้งหมด แต่ถ้าเปรียบแล้วได้เห็นภาพ ก็น่าจะเป็นความรู้สึกตอนตัวเองได้ชู้ตบาส 3 แต้มในวินาทีสุดท้ายของแมทช์ชี้เป็นชี้ตาย และพลิกกลับมาชนะอย่างเหนือความคาดหมาย

ต่างกันตรงที่ว่าชัยชนะครั้งนี้ไม่มีเพื่อนร่วมทีม ไม่มีกองเชียร์มาห้อมล้อมเหมือนเคย…

ต่างกันตรงที่ว่าครั้งนี้ไม่มีนกหวีดให้สัญญาณหมดเวลา…

ต่างกันที่ว่าลูกบาสที่ลอยจากมือไปเข้าห่วงครั้งนี้ มันไม่ได้ลงตาข่ายธรรมดาๆ…

แต่ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันก็คือ…

เกมส์นี้เราชนะ เราสอบผ่าน!!!

มีหลายคนถามว่า “เขียนหนังสือยากไหม?”

จริง ๆ เขียนหนังสือไม่ยาก เพราะเราก็เขียนกันทุกวันอยู่แล้ว “ทำ”หนังสือก็ไม่ยากถ้าเรามีเงินทุน แต่จะขายออกมั้ยนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฮา ๆ ๆ ๆ ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้หมู่หรือจ่า เพราะยังไม่ได้เช็คยอดหนังสือกับทางผู้จัดจำหน่ายเลย

แต่มานั่งมองคุณค่าของการทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ในแง่ของคนทำนะ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า (หลังจากที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าแบบนี้มานานมาก) ในหนึ่งชีวิต การรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าเราจะทำในสิ่งเล็ก ๆน้อย ๆ กับความพยายามที่จะทำหนังสือหนึ่งเล่มไปวางขายอยู่บนชั้นหนังสือในร้านขายหนังสือ

ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนมาจารึก…

ไม่มีใครมาให้รางวัลประกาศเกียรติคุณ…

ไม่มี และ ไม่มี…

คนเราไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งกาจถึงขนาดจะเปลี่ยนโลกได้หรอกว่าไหม? คิดง่าย ๆ แค่นิ้วมือเรา 10 นิ้วยังไม่เท่ากันเลย จะให้ทุกคนเก่งเหมือนกันโลกคงจืดชืดสิ้นดี จะให้มีไอน์สไตน์ ขงจื้อ ดาไลลามะ บีโธเฟน เจงกิสข่านเป็นสิบ ๆ คนแล้วคราวนี้เราจะฟังหรือเชื่อใครดี แค่คิดโลกเราคงวุ่นวายเป็นบ้า!!

กลับมาเรื่องการให้คุณค่าในตัวเองดีกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา ๆ ทุกคน เชื่อว่าทุกคนคงมีความฝัน อยากจะทำอะไร วางเป้าหมายของชีวิตไว้ตรงไหน แต่บางคนไม่กล้าฝันไปไกล คิดแค่ว่าทำไม่ได้หรอก ไม่มีทางหรอก ให้เกิดใหม่ง่ายกว่าไหม…

ลองดูตัวอย่างคนบ้าคนหนึ่งนะ อยู่ในโลกแคบ ๆ เหมือนกบอยู่ในกะลา ชีวิตประจำวันคือบ้านและที่ทำงาน มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ มีเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ (ซึ่งเจอกันผ่านโลกไซเบอร์เสียส่วนใหญ่) มีงานเขียนคอลัมน์ที่จะต้องส่งทุกอาทิคย์

ชีวิตที่รับผิดชอบมีอยู่แค่นี้!!

อยู่มาวันหนึ่งคนบ้าคนนี้บอกกับเพื่อนว่า อยากเอาเรื่องที่ตัวเองขีด ๆ เขียน ๆ มาทำพ็อกเก็ตบุ้คของตัวเองสักเล่ม ว่าไม่ว่าเปล่า และด้วยความบ้าส่วนตัว เริ่มลงมือเขียน เขียนไปทุกวัน เขียนบ้าเขียนบอ ไม่กลัวไม่อาย เขียนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งหนังสือเล่มที่ว่าก็มาวางอยู่ตรงนี้

มองย้อนกลับไป…

เออ ตัวเราก็เดินมาไกลใช้ได้…

ที่เขียนมาแชร์วันนี้ ไม่ใช่ว่าหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จริง ๆ อาจจะตรงกันข้ามก็ได้ ฝุ่นอาจจะจับหนังสือบนหิ้งซะหนาเพราะไม่มีใครสนใจมันเสียด้วยซ้ำ แต่อยากให้มองเรื่องความมีคุณค่าในตัวเอง

แม้มันจะไม่สำเร็จ (ในแง่ของยอดขาย)…

แต่มันมีคุณค่า (ในแง่ของจิตใจ)…

แค่อยากจะให้คนบ้าคนนี้เหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่เวลาเขวี้ยงลงไปบนผิวน้ำ มันได้เขี่ยกระจายความฝันของใครหลายคนที่แอบซ่อนอยู่ แล้ววันหนึ่งเราจะได้มาร่วมแชร์กันอีกครั้งสำหรับความมีคุณค่าของคนตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ๆกัน

(เป็นบทความตีพิมพ์ในคอลัมน์ต่างองศา วันที่ 30 มีนาคม 2553)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น