วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของแม่กับลูก

กับแม่ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในความรู้สึก

วันนี้วันที่ 12 สิงหาคม ถือเป็นวันแม่แห่งชาติ…


เปิดเข้าไปในเฟสบุ๊ค เลยมีแต่คนเขียนบอกรักแม่กันใหญ่ เขียนความในใจถึงแม่ เอารูปเก่า ๆ ของตัวเองกับแม่มาลง จริง ๆ แล้วเรารักแม่กันทุกวันแหละ เพียงแต่ถือว่าวันนี้เป็นโอกาสพิเศษที่จะคอนเฟิร์มหรือประกาศให้โลกรู้ว่า “เรารักแม่”

แม่ในความรู้สึกของเรา มันเป็นอะไรที่ปะปนกันไปหมด บางทีไม่รู้จะวางแม่ไว้ตรงไหนดี เพราะแม่อยู่ทั่วทุกที่ไปหมด

เหมือนมีพระอยู่ในบ้าน…

เหมือนมีธนาคารที่เบิกเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด…

เหมือนเพื่อนตายไปไหนไปกัน…

เหมือนนักปรึกษาที่ดี…

เหมือนคนรักที่ไม่เคยพรากจากกัน…

ฯ ล ฯ

แต่บ่อยครั้งความสัมพันธ์ที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเรา ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่มันควรจะเป็น เมื่อมันเริ่มมีความรัก ความผูกพัน อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

พูดถึงอารมณ์แล้วนึกถึงแม่ จะชอบนึกว่าแม่ของเราเป็นพวกอาร์ตติสต์ หรือถ้าเดาะภาษาวัยรุ่นจะเรียกได้ว่าเป็น “อาร์ตตัวแม่” อารมณ์แม่ขึ้นลงบ่อยและเร็ว จนบางครั้งเราแทบตามไม่ทัน ระยะหลัง ๆ เราเรื่มพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เหมือนคนเดินช้ากับเดินเร็ว จะปรับจะจูนอย่างไรก็ไม่ลงตัวเท่าไหร่

เหมือนพูดกันคนละเรื่อง…

เมื่อหลับตาแล้วนึกถึงแม่ ตั้งแต่รู้จักกับแม่มาเกือบ 40 ปี แม่เป็นหนึ่งในคนเดินเร็ว แม่เล่าบอกว่า แม่เดินช้าไม่ได้ เพราะถ้าเดินช้า ลูกแม่อีกสามคนอยู่ข้างหลังอดตายกันพอดี วันที่อารมณ์พุ่งปรี๊ด แม่ชอบพูดว่า

“ชีวิตนี้ไม่ใช่ของแม่ แม่ต้องทำเพื่อพ่อ เพื่อลูก เพื่อครอบครัว แม่ไม่เคยได้ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่กับลูก ลูกเลือกได้และมีโอกาสที่จะเลือก เพราะฉะนั้นอยากจะทำอะไรให้รีบทำ”

แต่ในคำพูดเหล่านั้น มันก็ยังมีเหมือนจะมีกรอบตีและบังคับให้เราเดินอยู่ดี มาวันนี้ได้มานั่งคิด แล้วอยู่ ๆ ก็คิดได้เหมือนยูเรก้า เพราะธรรมชาติของเราต่างกันนั่นเอง

ถ้าเปรียบว่าแม่เป็นคนเดินเร็ว (เร็วมาก) เราคงเป็นคนที่เดินช้า (ช้ามาก) บางอย่างที่แม่คิด เรามักจะตามไปไม่ทัน ณ บทสนทนาตรงนั้น บางทีใช้เวลาเป็นวัน กว่าจะเข้าใจในสิ่งที่แม่พยายามจะบอก บางอย่างใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี หรือหลาย ๆ ปีก็มีกว่าจะเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด

เออ! คิดย้อนกลับไป แม่พูดอะไรไม่มีผิดเลยนี่หว่า แต่ไอ้เราเป็นประเภทบอกให้เดินซ้ายจะเดินขวา บอกให้เดินตรงจะต้องถอยหลัง บอกให้ก้าวไปข้างหน้ากลับวิ่งหนีเข้าอุโมงค์ซะอย่างนั้น

คิดแล้วสงสารแม่อยู่เหมือนกัน และคงต้องใช้ความอดทนมากอยู่กับลูกที่เดินไม่ค่อยตรงทาง…

วันนี้คิดได้แล้วว่า…

บางครั้งที่อยู่กับแม่แล้วเหนื่อย เพราะเป็นเรื่องคนเดินเร็วกับคนเดินช้า

บางทีไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูด เพราะเรามันกระดูกกันคนละชั้น เหมือนกับนักมวยคนละรุ่น

บางจังหวะเหมือนแม่จะคอยขีดเส้นให้เดิน เพราะประสบการณ์และความรักความห่วงใยที่แม่มีให้

บางมุมเรามองกันคนละระนาบ เพราะดีกรีความฉลาดของเราไม่เท่ากัน

ที่เขียนถึงแม่ในวันนี้ เพราะอยากจะบอกแม่ว่า ลูกกำลังพยายามเดินให้เร็วขึ้น อย่างน้อยก็ให้เหมือนคนปกติทั่วไปก็ยังดี อย่างน้อยตอนนี้ขออีก 20 ปีที่เราจะได้มีกันไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ถ้าถึงเวลานั้นแม่จะไปอยู่บนฟ้าอะไร ตรงไหน เราไม่ว่ากัน

แต่อย่างไรก็ยังเหมือนเดิมนะแม่ คำพูดที่เรามักจะบอกกับแม่เสมอว่า

“เกิดอีกกี่ชาติอยากจะขอเป็นลูกแม่ทุกชาติไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น