หนังสือจุดประกายทางความคิด |
เมื่อบ่ายวันเสาร์ของอาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้เจอหนู (ไอ้หนู, อีหนู, น้องหนู หรืออะไรก็แล้วแต่) รุ่นน้องที่โรงเรียนเก่า นอกจากสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นและยาวนานมากว่า 20 ปี วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่เราได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากคำทักทาย นั่งคุยกันสัพเพเหระไปตามเรื่องแล้ว หนูมาพร้อมกับรอยยิ้มและโยนหนังสือให้เล่มหนึ่ง แล้วบอกกับเราว่า
“ลองเอาไปอ่านดู เผื่อจะได้อะไรพี่”
หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “ZigZag เมื่อแกะดำทำธุรกิจ” เขียนโดย ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์
คงมีคนจำนวนมาก เมื่อวันที่อายุขึ้นเลข 4 คงจะเบื่อกับอาชีพมือปืนรับจ้าง บางครั้งถึงกับออกอาการเซ็งอารมณ์กับการเป็นลูกจ้าง ต้องทำอะไรหรือตัดสินใจแต่ละที ต้องผ่านการเห็นชอบจากมติที่ประชุม คุณประเสริฐเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “Rule book”
ความคิดเห็นส่วนตัวนั้น เราว่ามันมีทั้งข้อดีข้อเสียทั้งสองอย่าง เพราะตัวเองก็ผ่านมาหมดแล้วทั้งการเป็นลูกจ้างและนายจ้าง แต่ดูเหมือนคราวนี้จะมีการคิดขบถ อยากจะหลุดนอกกรอบที่ครอบครัวได้วางไว้ให้บ้าง ถ้าจะเดินกลับไปเป็นลูกจ้างอีกครั้ง คิดว่าตัวเองคงไม่แล้ว ถ้าจะกลับไปทำธุรกิจของครอบครัวก็มีอาการเบื่อ ๆ อยาก ๆ
มันเป็นการ “ชักเย่อทางความคิด” มาสักพักใหญ่ว่า คนตัวเล็ก ๆ อย่างเรา ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจ หรือถ้าจะมีก็คงแค่หางอึ่ง จะคิดการใหญ่ก็คงไม่กล้า เงินลงทุนก็ไม่ได้หนาพอ
และเราจะทำอะไรได้บ้าง?
บนโลกธุรกิจ มีพื้นที่เล็ก ๆ ให้คนตัวเล็ก ๆ อย่างเราได้ยืนพอหายใจสบาย ๆ ได้บ้างไหม?
จะว่าไปก็เป็นเรื่องของวิตกจริตเมื่อคิดจะมีการเปลี่ยนแปลง เหมือนเราเดินอยู่บนถนนแล้วมาถึงทางแยกมั้ง มันต้องตัดสินใจว่าจะซ้ายหรือขวา จะเดินหน้าหรือถอยหลัง
ได้อ่านหนังสือที่เพื่อนรุ่นน้องให้มา มันก็เป็นการจุดประกายความคิดที่ดีเหมือนกันนะ เรื่องของการเริ่มต้นเป็นเถ้าแก่ใหม่ คงมีหลายคนมีคำถามที่ถามตัวเองบางครั้งว่า เราพร้อมที่จะเป็นเจ้าของกิจการหรือยัง? เรียกง่าย ๆ ว่า เราพร้อมที่จะเป็นเถ้าแก่ใหม่หรือยัง?
อ่านแล้วก็ได้คำตอบว่า คงไม่มีใครบอกได้ว่า เราพร้อมที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเองหรือเปล่า? เพราะเรื่องนี้คงเป็นเรื่องตอบยาก แต่จะให้ตอบแบบกลาง ๆ ก็คือว่าทุกคนมีโอกาสเป็นกันได้ทั้งนั้น เพียงแต่เราจะกล้าที่จะก้าว และกล้าที่จะเสี่ยงหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง
เรื่องที่จะทำธุรกิจอะไรก็เป็นเรื่องปวดหัวอีกเรื่องหนึ่ง…
ส่วนตัวเชื่อว่า คนเราจะทำอะไรได้ดีที่สุด เมื่อเรารักและมีความสุขที่จะทำ ฝรั่งเขาเรียกว่าต้องมี passion ในการทำงาน คือต้องมีความหลงใหลอยากจะทำ เมื่อนั้นสิ่งที่ทำจะทำออกมาได้ดี การที่เราทำอะไรด้วยใจโดยไม่ถูกบังคับ เชื่อว่าผลของงานร้อยทั้งร้อยจะออกมาดีเสมอ
แต่ไอ้สิ่งที่เรารักที่จะทำ มันไม่ได้สร้างรายได้กับเรานี่ซิ…
คิดหนัก…
จะออกเดิน หัวใจก็ยังไม่เต็มร้อย จะไม่เดิน ก็ค้างคาใจอยู่นั่นแล้ว บอกตัวเองไปก่อนว่า รอเวลาให้มันตกผลึกทางความคิด เมื่อตัวเรานิ่ง ความคิดนิ่ง แล้วเราคงจะรู้เองว่าจะเดินไปทางไหน
ที่สำคัญต้องเดินตามหัวใจตัวเอง…
ปล. เขียนในวันที่มีความสับสนทางด้านความคิด ใครมีความคิดอะไรดี ๆ น่าจะดีถ้าได้มาแชร์กัน อ้อ! อีกอย่างตอนนี้ www.jirastoryteller.com ได้ฤกษ์ย้ายบ้านใหม่ ไปอยู่ที่ http://jirastoryteller.blogspot.com ติดตามกันได้ราวกับ 7-eleven! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น